การเชื่อมเป็นกระบวนการที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงการผลิตเครื่องจักรและชิ้นส่วนต่าง ๆ แม้ว่าการเชื่อมจะเป็นงานที่มีความสำคัญ แต่ก็มีอันตรายหลายประการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะควันและฝุ่นงานเชื่อมที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ควันและฝุ่นเหล่านี้สามารถทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานได้
องค์ประกอบของควันและฝุ่นงานเชื่อม
ควันและฝุ่นงานเชื่อมประกอบไปด้วยสารเคมีหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการเชื่อมโลหะที่มีสารตะกั่วหรือแคดเมียม จะทำให้เกิดควันที่มีสารพิษเหล่านี้ การสูดดมสารเคมีเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังและปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้
- ตะกั่ว (Lead): ตะกั่วเป็นสารพิษที่สามารถสะสมในร่างกายและก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาท ระบบเลือด และไต
- แคดเมียม (Cadmium): เป็นโลหะหนักที่สามารถสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบต่อปอดและไต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
- เหล็กออกไซด์ (Iron Oxide): ฝุ่นและควันจากการเชื่อมเหล็กมักประกอบด้วยเหล็กออกไซด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับปอด เช่น โรคซิลิโคซิส (Silicosis) และการอักเสบของปอด
ฝุ่นงานเชื่อมส่งผลต่อสุขภาพยังไงบ้าง
ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
ควันและฝุ่นเชื่อมสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้แก่:
- โรคซิลิโคซิส (Silicosis): โรคที่เกิดจากการสูดดมฝุ่นที่มีส่วนผสมของซิลิกา ซึ่งเป็นสารที่พบในฝุ่นจากการเชื่อมเหล็ก หากสูดดมเข้าไปเป็นเวลานานจะทำให้ปอดเกิดการอักเสบและแข็งตัว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหายใจลำบากและโรคเรื้อรังอื่น ๆ
- โรคหอบหืดจากการทำงาน (Occupational Asthma): การสูดดมสารเคมีที่อยู่ในควันเชื่อม เช่น ไอโซไซยาเนต (Isocyanates) สามารถกระตุ้นการเกิดโรคหอบหืดหรือทำให้อาการหอบหืดที่มีอยู่แย่ลงได้
- โรคมะเร็งปอด (Lung Cancer): การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด เช่น โครเมียมเฮกซาวาเลนต์ (Hexavalent Chromium) และนิเกิล (Nickel) ที่พบในควันเชื่อมสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดได้
ผลกระทบต่อระบบผิวหนัง
นอกจากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจแล้ว ควันและฝุ่นเชื่อมยังสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อผิวหนังได้อีกด้วย:
- โรคผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis): สารเคมีที่อยู่ในควันและฝุ่นเชื่อมสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นแดง คัน และอักเสบ
- แผลจากความร้อนและการเผาไหม้: ฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมสามารถทำให้เกิดแผลหรือการเผาไหม้บนผิวหนังได้ หากไม่ได้รับการป้องกันที่เหมาะสม
การป้องกันและจัดการความเสี่ยง
การป้องกันและจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากควันและฝุ่นเชื่อมเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ การลดความเสี่ยงสามารถทำได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้:
- การใช้หน้ากากป้องกัน: การใช้หน้ากากที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กและควันได้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานสูดดมสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
- การระบายอากาศที่เหมาะสม: การติดตั้งระบบระบายอากาศที่ดีจะช่วยลดปริมาณควันและฝุ่นในพื้นที่การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การตรวจสุขภาพประจำปี: การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ตรวจพบปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสควันและฝุ่นเชื่อมได้ในระยะแรกเริ่ม
- การฝึกอบรมและให้ความรู้: การให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับอันตรายของควันและฝุ่นเชื่อม รวมถึงวิธีการป้องกันตัวเอง จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
ผู้ดูแลความปลอดภัยของพนักงาน : โดยทั่วไปแล้ว จป หัวหน้างานต้องเป็นคนดูแลความปลอดภัยของลูกน้องภายใต้บังคับบัญชา หากมีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้น ต้องทำรายงานแจ้งอุบัติเหตุและสาเหตุการเกิด ซึ่งหากเป็นจุดที่มักเกิดอันตรายบ่อยๆ หรือต้องมีการปรับปรุงจะต้องนำไปเป็นวาระการประชุม ของคณะกรรมการความปลอดภัยในการทำงาน (คปอ) ต่อไป
รู้หรือไม่ เป็นลูกจ้างก็สามารถมีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบายองค์กร ได้โดยในคณะกรรมการความปลอดภัยในการทำงาน (คปอ) จะมีส่วนที่เลือกจากลูกจ้างเข้ามาทำในตำแหน่งนี้ ลูกจ้างที่สนใจสามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ เมื่อชนะการเลือกตั้งจากนั้นต้องเข้าอบรมหลักสูตร คปอ สามารถเลือกได้ทั้งอบรม คปอ in house และ อบรม คปอ บุคคลทั่วไป
กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
กฎหมายแรงงานและข้อบังคับในหลายประเทศมีการกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการจัดการควันและฝุ่นเชื่อมในสถานที่ทำงาน โดยมีการกำหนดค่าความเข้มข้นสูงสุดของสารเคมีที่อนุญาตให้มีในอากาศ ในสถานที่ทำงาน เช่น:
- กฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน: กฎหมายในหลายประเทศระบุว่าผู้จ้างงานต้องมีการจัดหาสิ่งป้องกันที่เหมาะสม เช่น หน้ากากและระบบระบายอากาศ และต้องมีการตรวจสุขภาพพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
- ข้อกำหนดของ OSHA (Occupational Safety and Health Administration): ในสหรัฐอเมริกา OSHA ได้กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมีต่าง ๆ รวมถึงควันและฝุ่นเชื่อม ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้เป็นแนวทางในหลายประเทศ
วิธีการควบคุมสภาพแวดล้อมในการทำงาน
การควบคุมสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากควันและฝุ่นเชื่อมได้ การใช้เทคนิคและเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมในการทำงาน :
- ใช้ระบบดูดควัน (Fume Extraction Systems): ระบบนี้ช่วยดูดควันที่เกิดขึ้นในขณะเชื่อมออกจากพื้นที่ทำงาน ช่วยลดปริมาณสารเคมีที่อาจจะสูดดมเข้าไป
- ใช้หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรอัตโนมัติ: การใช้เทคโนโลยีการเชื่อมแบบอัตโนมัติ สามารถลดการสัมผัสกับควันและฝุ่นได้ โดยให้หุ่นยนต์ทำงานในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดควันและฝุ่นเชื่อม
สรุป
ควันและฝุ่นงานเชื่อมเป็นอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม การสูดดมหรือสัมผัสสารเคมีในควันและฝุ่นเชื่อมอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การป้องกันด้วยการใช้หน้ากาก การระบายอากาศที่เหมาะสม การฝึกอบรม การตรวจสุขภาพ และการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เกิดจากควันและฝุ่นงานเชื่อม
บทความที่น่าสนใจ
- ความปลอดภัยในงานเชื่อม
- ขั้นตอนการจัดทำแผนการอพยพฉุกเฉิน ในสถานประกอบการ
- บทบาทหน้าที่ คปอ ตามกฎหมาย และสิ่งที่นายจ้างควรรู้